JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

เรื่องเกี่ยวกับแฟลชไดรฟ์

2015-11-13 16:59:59 ใน ความรู้ทั่วไป » 0 16033

เรื่องเกี่ยวกับแฟลชไดรฟ์

      Thumb drive, Flash drive, Handy drive หลายท่านจะคุ้นเคยกับคำเหล่านี้ เรามักใช้เป็นชื่อเรียกอุปกรณ์บันทึกข้อมูลภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดเล็กแต่ความจุมากมายมหาศาล แล้วแต่ละคำมีที่มากันยังไงบ้างทำไมเราจึงเรียกต่างกัน

Thumb drive

      Thumb drive เป็นชื่อทางการค้า คุณสมบัติเหมือน CD-R, Floppy Disk, Hard Disk เป็นหน่วยความจำ ที่เสริมเข้าไปในคอมพิวเตอร์ทาง Port USB และถือเป็นการเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ คือไม่ต้องมีตัว Drive ตัว Disk พกพาได้สะดวกมีขนาดเล็กเท่ากับหัวแม่มือ เป็นยุคแรกๆ ของอุปกรณ์จำพวก Flash Drive ความเร็วในการอ่าน เขียน ประมาณ 500KB/Sec มีความจุอยู่ระหว่าง 8 MB – 1024MB ในปัจจุบันอาจมีมากขึ้น สำหรับราคาในยุคแรกๆ ราคาสูง ขนาดความจุน้อย

flashdrive-1

Flash Drive
      Flash Drive มีชื่อจริงว่า USB Mass Storage Device ส่วนใหญ่เรียกกันว่า USB Flash Memory Drive , USB Flash Drive Memory หรือ USB Flash Drive การใช้งานเชื่อมต่อกับ Computer ผ่านทาง Port USB ใช้ Flash Memory เก็บข้อมูล ทำงานเป็น Drive เหมือน HardDisk อ่านและบันทึกข้อมูลได้อย่างเดียวไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ซึ่งเป็นยุคต่อมาจาก Thumb drives ราคาถูกลง ความจุมีมากขึ้น ขนาดของตัว Flash Drive เล็กลงด้วย บางยี่ห้อมีขนาดประมาณ 1 นิ้ว

flashdrive-2

Handy drive
      Handy drive เป็นชื่อทางการค้า คุณสมบัติและการทำงานเหมือน Flash drive แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือสามารถเล่นไฟล์ Mp3 ไฟล์วีดีโอ ไฟล์รูปภาพ ฟังวิทยุผ่านช่องเสียบหูฟัง และฟังก์ชันอื่นๆ ที่ผู้ผลิตจะใส่ลงไป ใช้แบตเตอรี่มีทั้งแบบใช้ถ่าน AA , AAA หรือถ่านชาตร์ ซึ่งจะชาตร์ถ่านผ่านทาง Port USB รูปลักษณ์สวยงาม แต่มีขนาดใหญ่กว่า Flash drive เนื่องจากต้องใช้แบตเตอรี่ สำหรับราคาแพงกว่า Flash drive อยู่บ้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานที่หลากหลาย

    

ที่มา :: http://www.webthaidd.com/flashdrive/webthaidd_article_451_1.html , http://www.l3nr.org/posts/236809

      แต่ในการใช้งานแล้วเรามักไม่เห็นความแตกต่างของอุปกรณ์ที่มีชื่อแต่ละชื่อเลยครับ เพราะปัจจุบันนี้เราก็เรียกอุปกรณ์บันทึกข้อมูลชิ้นเล็กๆ ราคาไม่แพงแต่ความจุสูงโดยใช้ชื่อเรียกได้ทั้ง 3 ชื่อล่ะครับ หน้าที่หลักๆ ก็คือใช้เก็บข้อมูลใช้อ่านข้อมูลแบบพกพาใช้ไฟเลี้ยงต่ำ ส่วนบริษัทไหนจะทำออกมามีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมนั่นก็เป็นจุดขายของแต่ละบริษัทครับ ในบทความนี้ใช้ชื่อเรียกว่า แฟลชไดรฟ์ (Flash drive)ก็แล้วกัน
      ทีนี้เราก็มีดูกันต่อไปว่าหากเราจะซื้อแฟลชไดรฟ์สักชิ้นมาใช้งานจะมีวิธีเลือกซื้ออย่างไรกันดี

1. ความจุของ Flash drive
      เดิมทีแฟลชไดรฟ์มีความจุในหน่วย Mb และราคาค่อนข้างแพง เมื่อก่อนผมเริ่มใช้แฟลชไดรฟ์ตัวแรกจำได้ว่ามีความจุแค่ 128 Mb ราคาก็เกือบ 1,000 บาท แล้วก็เปลี่ยนเป็นรุ่นที่มีความจุ 512 Mb จนถึง 1 Gb แต่ราคาก็ย้งสูงอยู่ พอมีโอกาสได้ซื้อแฟลชไดรฟ์อีกก็พบว่าความจุเพิ่มขึ้นแต่ราคาลดลง ปัจจุบันนี้ความจุของแฟลชไดรฟ์ก็น่าจะอยู่ในระดับ 64 Gb แล้วครับ ซึ่งความจุก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อแฟลชไดรฟ์ แนะนำว่าเลือกความจุให้เหมาะสมกับงานที่ใช้ดีกว่า เช่น ต้องการนำมาเก็บเอกสารที่พิมพ์สร้างจากโปรแกรมประเภท Office ก็เลือกความจุไม่ต้องสูงมากสัก 4-8 Gb ก็น่าจะพอ  ถ้าต้องการนำมาเก็บภาพถ่ายก็น่าจะใช้ความจุประมาณ 8 Gb ขึ้นไปเพราะอุปกรณ์ถ่ายภาพปัจจุบันถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บมาก  หรือถ้าต้องการนำมาเก็บเพลง mp3 ไว้ฟังในรถ ความจุ 4 Gb ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ ตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อครับผมแนะนำว่า อย่าเห็นแค่ความจุมากๆแล้วก็ซื้อเลยครับเพราะราคาแฟลชไดรฟ์ความจุสูงๆ ก็ราคาแพงเหมือนกัน อีกอย่างถ้าซื้อมาแล้วใช้พื้นที่ในแฟลชไดรฟ์ไม่คุ้มค่า ในอนาคตราคาแฟลชไดรฟ์ถูกลงแต่ความจุมากกว่าที่เราซื้อมาเราจะเสียดายเงินเปล่าๆ แล้วก็อีกอย่างอย่าลืมว่าแฟลชไดรฟ์ก็เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งมีโอกาสเสียหายได้ ถ้าเราใช้งานได้ไม่เต็มความสามารถเมื่อเกิดการเสียหายเราอาจนึกเสียดายว่าใช้งานไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปก็ได้ครับ

2. ความเร็วในการเชื่อมต่อกับ Port USB
      แฟลชไดรฟ์ถูกผลิตออกมาโดยใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อเป็น USB 2.0 เป็นหลัก และมีมาตรฐาน USB 3.0 อยู่บ้าง แต่ยังไม่แพร่หลายนัก โดยนิยมนำมาใช้ในแฟลชไดรฟ์ที่มีความจุสูงๆ ตั้งแต่ 16 GB ขึ้นไป ซึ่งถามว่าจำเป็นหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับประเภทไฟล์ที่เราบันทึกเช่นกัน ถ้ามีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากก็แนะนำเป็น USB 3.0 ไปเลย แต่ถ้าเป็นเพียงไฟล์เล็กๆ เช่นไฟล์เอกสารหรือไฟล์ภาพจำนวนไม่มากล่ะก็ USB 2.0 ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ซึ่งระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ก็รองรับการทำงาน USB 3.0 ได้เป็นอย่างดี 
ควรเลือกแฟลชไดรฟ์ที่สนับสนุนการเชื่อมต่อพอร์ต USB ตามมาตรฐาน USB 2.0 (H i-Speed USB) โดยให้สังเกตโลโก้ Certified Hi-Speed USB ซึ่งจะช่วยให้แฟลชไดรฟ์สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้รวดเร็ว เต็มความสามารถของอุปกรณ์ ไม่ถูกจำกัดที่ความเร็วของการเชื่อมต่อกับพอร์ต

3. ขนาดและการออกแบบ
      เป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละท่านว่าชอบแฟลชไดรฟ์แบบไหน บางท่านชอบแบบเรียบๆ บางท่านชอบแบบการ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ แฟลชไดรฟ์ ควรมีขนาดที่เหมาะสม สะดวกต่อการพกพา และไม่ขวางการใช้งานของอุปกรณ์อื่นในขณะใช้งาน เช่น แฟลชไดรฟ์ที่มีขนาดใหญ่เมื่อเสียบใช้งานอยู่ อาจขวางช่องเสียบ USB ที่อยู่ข้างกัน ทำให้ไม่สามารถใช้ช่อง USB ที่อยู่ข้างกันได้ เป็นต้น หรือหากเป็นคนที่ขี้ลืม ก็อาจเลือกแฟลชไดรฟ์แบบสไลด์เลื่อนเข้า-ออก หรือแบบหมุน แทนแบบเสียบฝาครอบโดยทั่วไป ซึ่งอาจจะสูญหายได้ง่าย หลังจากดึงฝาครอบออกเพื่อใช้งานแฟลชไดรฟ์

4. ประกันแฟลชไดรฟ์
      ควรเลือกแฟลชไดรฟ์ที่มีระยะประกันนานสักนิดหนึ่งเพราะเราไม่ทราบหรอกว่าแฟลชไดรฟ์จะเสียตอนไหน เมื่อแฟลชไดรฟ์เสียไม่สามารถเปิดได้หรือไม่สามารถกู้ข้อมูลได้ เราส่งเคลมประกันอย่างน้อยก็ยังได้แฟลชไดรฟ์อันไหม่ถึงแม้ว่าต้องสูญเสียข้อมูลได้ก็ตาม

5. คุณสมบัติพิเศษบางอย่าง
      แฟลชไดร์ฟบางรุ่นมีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างจากรุ่นธรรมดาทั่วไป ควรเลือกตามความจำเป็นในการใช้งาน เช่น 
      - การยืนยันความเป็นเจ้าของแฟลชไดรฟ์ โดยอาศัยเทคโนโลนีการสแกนลายนิ้วมือ เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนแฟลชไดร์ฟ มิให้ผู้อื่นเรียกดูได้
      - แฟลชไดรฟ์บางรุ่นจะมีซอฟต์แวร์เสริมแถมมาให้ด้วย เพื่อช่วยเสริมการใช้งานของแฟลชไดร์ฟให้ดียิ่งขึ้น เช่น การเชื่อมต่อไฟล์ข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับแฟลชไดรฟ์เพื่อช่วยให้ข้อมูลมีความทันสมัยเสมอ การบีบอัดไฟล์อัตโนมัติเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล หรือการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยการใช้รหัสผ่าน  
      - เทคโนโลยี U3เป็นเทคโนโลยีซึ่งช่วยให้เราสามารถนำเอาซอฟต์แวร์ติดตัวไปใช้งานได้ตลอดเวลา และสามารถเรียกใช้งานได้โดยตรงจากแฟลชไดรฟ์ ไม่ติดปัญหาเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีซอฟต์แวร์ที่ต้องการใช้งาน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ห้ามติดตั้งซอฟต์แวร์ โดยสามารถหาดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ได้จากเว็บไซต์ http://software.u3.com ซึ่งมีทั้งซอฟต์แวร์ฟรีและต้องเสียเงิน

flashdrive-6

 

6. ข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม
      นอกเหนือไปจากแฟลชไดรฟ์แล้ว เรายังสามารถใช้หน่วยความจำประเภทอื่นมาใช้งานเก็บข้อมูลร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน เช่น การ์ด CF (Compact Flash), การ์ด SD (Secure Digital), การ์ด Memory Stick เป็นต้น ซึ่งหน่วยความจำที่นิยมใช้ร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เช่น กล้องถ่ายรูปดิจิตอล หรือ โทรศัพท์มือถือ และมีราคาถูกกว่าแฟลชไดรฟ์ในขนาดความจุเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นความจุสูงๆ อย่างไรก็ดี การนำเอาการ์ดเหล่านี้มาใช้งานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยอุปกรณ์ Card Reader/Writer ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปอาจไม่ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ Card Reader/Writer ไว้ เราจึงอาจจำเป็นต้องหาซื้ออุปกรณ์ Card Reader/Writer ภายนอกมาเอง ซึ่งก็ต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ Card Reader/Writer และความยุ่งยากในการพกพาอุปกรณ์ Card Reader/ Writer ด้วย

                                  flashdrive-7     flashdrive-8   อุปกรณ์ Card Reader/Writer
      ยี่ห้อของแฟลชไดรฟ์ เป็นอีกปัจจัยสำหรับการเลือกซื้อ สำหรับยี่ห้อดังๆ เดี๋ยวนี้ก็มีทั้งของแท้และของเลียนแบบ แต่ในมุมมองของคนใช้แฟลชไดรฟ์ทั่วไปผมคิดว่ายี่ห้อก็คงไม่สำคัญเป็นลำดับแรกสำหรับการเลือกแฟลชไดรฟ์มาใช้งาน

ที่มา :: http://notebookspec.com/5ขั้นตอนการพิจารณาก่อนเลือกซื้อแฟลชไดรฟ์ไว้คู่กาย/177902/http://www.mof.go.th/home/e-mag/pdf/2551/e_Mag_Jun51.pdf

      ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการเลือกซื้อแฟลชไดรฟ์มาใช้งาน คิดว่าบทความนี้คงมีประโยชน์กับทุกท่านครับ