JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

เทอร์โมคัปเปิล (THERMOCOUPLE)

2014-09-15 16:24:31 ใน ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆ » 0 38267              เทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple) หรือ หัววัดอุณหภูมิ ซึ่งตัวเทอร์โมคัปเปิลนี้ก็จะมีอยู่หลากหลายชนิด หลากหลายแบบ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการนำไปใช้ในลักษณะของการวัดที่แตกต่างต่างกันออกไป


เทอร์โมคัปเปิ้ลเเบบมาตรฐาน

            เทอร์โมคัปเปิ้ลมีหลาย Type ให้เลือก แล้วแต่ย่านอุณหภูมิ และลักษณะการใช้งาน โดยความแตกต่างของแต่ละ Type นี้เกิดจากการเลือกใช้คู่ของวัสดุ (Element) ของโลหะที่จะนำมาเชื่อมเข้าด้วยกันให้แตกต่างกัน เพราะโลหะแต่ละชนิดย่อมมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวของมันอยู่แล้ว เมื่อโลหะชนิดต่าง ๆ กันมาจับคู่เชื่อมเข้าด้วยกัน จะทำให้คุณสมบัติของเทอร์โมคัปเปิล ที่ได้แตกต่างกันไป นอกจากนี้ ได้มีการทดลองผสมโลหะต่างชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะเดิมให้ดีขึ้น หรือเพื่อใช้แทนโลหะบางชนิดที่ใช้ทำอยู่เดิม เช่น แพลทินัม เนื่องจากราคาสูง ตัวอย่างโลหะผสมที่เกิดขึ้น เช่น โครเมล (Cromel) คือโลหะผสมของ นิกเกิ้ล 90% และ โครเมียม 10% ,อลูเมล (Alumel) คือ โลหะผสมของ นิกเกิ้ล 95% อลูมิเนียม 2% แมงกานิส 2% และ ซิลิคอน 1% ,คอนสแตนแตน (Constantan) คือ โลหะผสมของ ทองแดง60% และ นิกเกิ้ล40% เป็นต้น
     การใช้งานเทอร์โมคัปเปิล ควรเลือกใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับงานนั้น ๆ โดยสิ่งที่ควรพิจารณามีหลายข้อ เช่น ค่าอุณหภูมิสูงสุดที่ใช้งาน,ราคา,ความกัดกร่อนของสารที่เทอร์โมคัปเปิลสัมผัส,ต้องใช้ Thermowell หรือไม่,ลักษณะบรรยากาศที่เป็น Oxidizing,Reducing,Inert หรือ Vacuum เป็นต้น 

ตารางแสดงคุณสมบัติเปรียบเทียบเทอร์โมคัปเปิลแบบมาตรฐาน Type ต่างๆ
 
Type ส่วนผสม ย่านอุณหภูมิใช้งาน แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ได้
mV
C F
B แพลทินัม - 30% โรเดียม
แพลทินัม - 6% โรเดียม
0 ถึง 1820 32 ถึง 3310 0 ถึง 13.814
R แพลทินัม - 13% โรเดียม
แพลทินัม
-50 ถึง 1768 -60 ถึง 3210 -02.26 ถึง 21.108
S แพลทินัม - 10% โรเดียม
แพลทินัม
-50 ถึง 1768 -60 ถึง 3210 -0.236 ถึง 18.698
J เหล็ก/คอนสแตนแตน -210 ถึง 760 -350 ถึง 1400 -8.096 ถึง 42.922
K โครเมล/อะลูเมล -270 ถึง 1372 -450 ถึง 2500 -6.458 ถึง 54.875
T ทองแดง/คอนสแตนแตน -270 ถึง 400 -450 ถึง 750 -6.258 ถึง 20.869
E โครเมล/คอนสแตนแตน -270 ถึง 1000 -450 ถึง 1830 -9.835 ถึง 76.358

ตารางแสดงสภาวะแวดล้อมในการใช้งานเทอร์โมคัปเปิลแบบมาตรฐานโดยไม่ต้องใช้ Thermowell
 
ความเหมาะสมในการใช้งาน
Tc
Type
บรรยากาศ
Oxidizing
บรรยากาศ
Reducing
บรรยากาศ
Inert
Vacuum บรรยากาศ
Sulferous
อุณหภูมิ
< 0 C
มีไอของ
โลหะ
B ได้ ไม่ได้ ได้ ได้ในช่วงสั้น ๆ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้
R ได้ ไม่ได้ ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้
S ได้ ไม่ได้ ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้
J ได้ ได้ ได้ ได้ ไม่ได้ถ้า > 500 C ไม่ได้ ได้
K ได้* ไม่ได้ ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ได้ ได้
T# ได้ ได้ ได้ ได้ ไม่ได้ ได้ ได้
E ได้ ไม่ได้ ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ได้ ได้
     
     * ใช้งานได้ดีกว่าแบบ E,J และ T เมื่ออุณหภูมิ > 550 ๐C
     # โดยเฉพาะกับอุณหภูมิ < 0 ๐C
Oxidizing : กระบวนการทางเคมีที่ดึงออกซิเจนจากภายนอกเข้าไปทำปฏิกิริยากับสารนั้น
Reducing : กระบวนการทางเคมีที่ออกซิเจนถูกดึงออกจากสารนั้นเพื่อไปทำปฏิกิริยากับสารภายนอก
Vacuum : ค่าความดันที่ต่ำกว่าบรรยากาศจนถึงสภาวะสูญญากาศ
Inert : สภาวะเฉื่อยที่ไม่เกิดปฏิกิริยาเคมี



หลักการทำงานของเทอร์โมคัปเปิล

                  หลักการทำงานของเทอร์โมคัปเปิล คือ อาศัยความแตกต่างของอุณหภูมิในการสร้างแรงเคลื่อนไฟฟ้าขึ้น การที่แรงเคลื่อนไฟฟ้าค่าหนึ่งจะอ้างอิงเป็นอุณหภูมิค่าหนึ่งได้ แสดงว่าความแตกต่างของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องอ้างอิงกับอุณหภูมิค่าคงที่ค่าหนึ่งเสมอ โดยเรียกอุณหภูมิคงที่ที่ใช้อ้างอิงนี้ว่า Reference Junction และได้มีการกำหนด Reference Junction ให้เป็น 0 ๐C
 
Reference Junction

                   หลักการทำงานของเทอร์โมคัปเปิล คือ อาศัยความแตกต่างของอุณหภูมิในการสร้างแรงเคลื่อนไฟฟ้าขึ้น การที่แรงเคลื่อนไฟฟ้าค่าหนึ่งจะอ้างอิงเป็นอุณหภูมิค่าหนึ่งได้ แสดงว่าความแตกต่างของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องอ้างอิงกับอุณหภูมิค่าคงที่ค่าหนึ่งเสมอ โดยเรียกอุณหภูมิคงที่ที่ใช้อ้างอิงนี้ว่า Reference Junction และได้มีการกำหนด Reference Junction ให้เป็น 0 ๐C เพื่อให้การวัดอุณหภูมิเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และกำหนดเป็นตารางมาตรฐานแสดงค่าอุณหภูมิเทียบกับแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่วัดได้ แต่โดยทั่วไป เทอร์โมคัปเปิลจะทำการวัดที่อุณหภูมิห้อง (เช่น 25 ๐C) นั่นคือไม่ได้เทียบกับ 0 ๐C แสดงว่าค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ได้ยังไม่ถูกต้อง หากนำไปอ่านค่าอุณหภูมิจากตารางมาตรฐานจะผิดพลาด จึงจำเป็นต้องมีการรักษา Reference Junction เพื่อให้การวัดอุณหภูมิเทียบกับ 0 ๐C ตลอดเวลา 

ข้อดีเเละข้อเสียของ เทอร์โมคิปเปิล
 
หัววัด เทอร์โมคัปเปิล
สัญลักษณ์
ลักษณะกราฟเอาต์พุต
ข้อดี  - ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง
 - เเข็๋งเเรง ทนทาน
 - ง่าย
 - ไม่แพง
 - ใช้งานได้หลากหลาย
 - ช่วงการวัดอุณหภูมิกว้าง
ข้อเสีย  - ไม่มีลักษณะเส้นตรง
 - แรงดันต่ำ
 - ไม่ค่อยเสถียร
 - ความไวต่ำสุด
ช่วงการวัดมากที่สุด -270 ถึง 1820 C
Repeatability 1.1 C ถึง 8.25 C
เสถียรภาพการใช้งานที่
อาจเปลี่ยนแปลงได้
0.55 C ถึง 1.1 C ต่อปี
ความไวในการวัด 10-50 µV / C
Interchangability ± 0.75%

ความเเตกต่างของแรงดันไฟฟ้าที่ได้จากเทอร์โมคัปเปิลมาตรฐานแบบต่าง ๆ





- ชนิดของวัสดุที่ใช้ทำเทอร์โมคัปเปิลมาตรฐานแต่ละแบบ โดยชื่อแรกของโลหะตัวนำ หมายถึง ขั้วไฟฟ้าที่มีศักย์เป็นบวก (+) และชื่อหลังมีศักย์เป็นลบ (-)

 

มาตรฐาน

             ชนิดของวัสดุตัวนำ

Type K

Type J

Type T

Type E

Type N

Type R

Type S

Type B

Nickel Chromium/Nickel Aluminium

Iron/Constantan

Copper/Constantan

Nickel Chromium/Constantan

Nicrosil/Nisil

Platinium 13%/Rhodium

Platinium 10%/Rhodium

Platinium 30%/Rhodium

*** Constantan: copper 60% + Nickel 40%


- ย่านการใช้งาน และคุณลักษณะของเทอร์โมคัปเปิลแต่ละแบบ
 

ชนิดเทอร์โมคัปเปิล

 ย่านอุณหภูมิใช้งาน        (oC)

   ย่านอุณหภูมิ (oC)

ค่าความผิดพลาด (oC)

    ค่าความไวสูงสุด         (โดยประมาณ)            (µV/oC)

R

-50 ถึง1768.1

-50.0 ถึง 250.0

-0.02 ถึง 0.02

6

 

 

250.0 ถึง 1200.0

-0.005 ถึง 0.005

 

 

 

1064.0 ถึง 1664.5

-0.0005ถึง0.001

 

 

 

1664.5 ถึง 1768.1

-0.001 ถึง 0.002

 

J

-210 ถึง 1200

-210.0 ถึง 0.0

-0.05 ถึง 0.03

50

 

 

0.0 ถึง 760.0

-0.04 ถึง 0.04

 

 

 

760.0 ถึง 1200.0

-0.04 ถึง 0.03

 

K

-270 ถึง 1372

-270.0 ถึง 0.0

-0.02 ถึง 0.04

50

 

 

0.0 ถึง 500.0

-0.05 ถึง 0.04

 

 

 

500.0 ถึง 1372.0

-0.05 ถึง 0.06

 

T

-270 ถึง 400

-200.0 ถึง 0.0

-0.02 ถึง 0.04

60

 

 

0.0 ถึง 400.0

-0.03 ถึง 0.03

 
 

เทอร์โมคัปเปิลแบบ S และ R มีคุณสมบัติที่คล้ายกัน แต่แบบ R ให้ค่าแรงดันไฟฟ้าทางด้านเอาต์พุตที่สูงกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิสูง เช่น เตาหลอมเหล็ก อุตสาหกรรมแก้ว โดยสามารถทนอุณหภูมิได้ถึง 1400oC ใช้งานได้ดีในสภาวะที่ไม่เกิดปฏิกิริยาทางเคมี ไม่เหมาะกับงานที่มีสภาวะแบบกัดกร่อน ไม่เหมาะกับงานในสภาวะสุญญากาศ และไม่เหมาะกับงานที่มีไอของโลหะและอโลหะ

เทอร์โมคัปเปิลแบบ ให้แรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าแบบ S และ R แต่มีความแข็งแรงทนทานกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิสูงเช่นเดียวกับแบบ S และ R ไม่เหมาะกับงานในสภาวะสุญญากาศ และไม่เหมาะกับงานที่มีไอของโลหะ และอโลหะ

เทอร์โมคัปเปิลแบบ ให้ค่าการเปลี่ยนแปลงแรงดันไฟฟ้าต่ออุณหภูมิดี นิยมใช้กับงานทั่วไป ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับใช้งานที่อุณหภูมิไม่เกิน 760oC ไม่เหมาะกับงานที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 oC นิยมใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก

เทอร์โมคัปเปิลแบบ K เป็นเทอร์โมคัปเปิลชนิดที่นิยมใช้แพร่หลายมากที่สุด สามารถวัดอุณหภูมิได้สูงกว่าแบบ J และมีราคาถูกกว่า ทนอุณหภูมิได้ถึง 1300oC และที่อุณหภูมิต่ำถึง -250oC มีค่าความเป็นเชิงเส้นสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเทอร์โมคัปเปิลชนิดอื่น ให้แรงดันไฟฟ้าทางด้านเอาต์พุตสูง (ให้อัตราการเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าต่ออุณหภูมิดีกว่าแบบอื่นหรือมีค่าความชันใกล้ 1) สามารถใช้กับงานที่มีการแผ่รังสีความร้อน (thermal radiation) ได้ ไม่เหมาะกับงานในสภาวะสุญญากาศ (ยกเว้นการใช้งานในช่วงเวลาสั้น)

เทอร์โมคัปเปิลแบบ เหมาะสำหรับการวัดอุณหภูมิในย่านต่ำ เช่น การวัดอุณหภูมิในห้องเย็น (cold storage) และตู้แช่แข็ง (freezer) มีสเถียรภาพในการวัดที่ดี สามารถทนต่อบรรยากาศที่มีการกัดกร่อนและมีความชื้นได้ดี ไม่เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสกับการแผ่รังสีความร้อนโดยตรง

เทอร์โมคัปเปิลแบบ มีคุณสมบัติคล้ายเทอร์โมคัปเปิลแบบ K แต่ให้แรงดันไฟฟ้าทางด้านเอาต์พุตสูงกว่า มีย่านอุณหภูมิใช้งานอยู่ระหว่าง -250 oC ถึง 870oC

 

การเลือกใช้วัสดุทำเป็นฉนวนหุ้มสายเทอร์โมคัปเปิล ควรเลือกใช้ตามย่านการวัดและสภาวะแวดล้อมการใช้งาน

  • พีวีซี เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานเปียกชื้นและมีอุณหภูมิต่ำ (-20oC ถึง 100oC) เช่น ห้องเย็น
  • ซิลิโคนและเทฟลอน เหมาะสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิประมาณ 200oC และมีสภาพเปียกชื้น อย่างไรก็ตาม ซิลิโคนไม่มีความทนทานต่อรอยขีดข่วน
  • ไฟเบอร์กล๊าส เหมาะสำหรับงานที่มีอุณหภูมิสูง (0oC ถึง 270oC) และ
  • สแตนเลสชีลด์ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการป้องกันสัญญาณรบกวน หรืองานที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย ภายใต้สภาวะใช้งานที่อุณหภูมิสูง (0oC ถึง 270oC)


ขอขอบคุณเเหล่งข้อมูลเเละบทความดีๆจาก

iq-technician.blogspot.com
NIST-ITS 90 (www.srdata.nist.gov/its90/main/)

การวัดและเครื่องมือวัด ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (นวภัทรา และ ทวีพล , 2555)
www.foodnetworksolution.com

 
กรุณาเข้า สู่ระบบ ก่อนทำการเขียนข้อความ